ลุ้นวันนี้เคาะตัวเลขขึ้นค่าไฟเกือบ 1 บาท ดันงวดใหม่จ่อเก็บเฉียด 5 บาท

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า วันที่ 27 ก.ค. กกพ.จะพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.65) หลังจากเปิดรับฟังความเห็นกับประชาชนต่อข้อเสนอการปรับขึ้น 3 อัตรา สิ้นสุดลงในวันที่ 25 ก.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. แล้ว เบื้องต้น กกพ.มีแนวโน้มจะเลือกการปรับขึ้นในอัตราต่ำสุดคือ เอฟทีใหม่จะอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ขึ้นจากงวดปัจจุบัน 68.66 สตางค์ต่อหน่วย โดยอัตรางวดปัจจุบัน (พ.ค.-ส.ค.65) อยู่ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งอัตรานี้จะสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างเดียว ยังไม่ได้มีการนำเงินที่ กฟผ.แบกรับภาระไว้มาพิจารณาเพื่อทยอยคืนค่าเชื้อเพลิง 83,010 ล้านบาท เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ทำให้ กฟผ.ต้องกู้เงินเสริมสภาพคล่องในช่วงนี้ไปก่อนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับค่าเอฟทีที่สำนักงาน กกพ.เปิดรับฟังความเห็นประกอบด้วย 3 แนวทาง

แนวทางที่ 1 ค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับจำนวนเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตรา 45.70 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่า Ft รวมเป็น 139.13 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 5.17 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ส่วนหนึ่ง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 56,581 ล้านบาท โดยจะคืนเงิน กฟผ. ครบ 83,010 ล้านบาทภายใน 1 ปี

แนวทางที่ 2 ค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตราน้อยลงที่ 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟที รวมเป็น 116.28 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.95 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ช้าลง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 69,796 ล้านบาท โดย กฟผ.จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี

แนวทางที่ 3 ยังไม่คืนหนี้ กฟผ. 83,010 ล้านบาท โดยคิดค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ยังมีส่วนข้อเสนอของ กฟผ. ค่าเอฟที ขายปลีก เดือน ก.ย.-ธ.ค. 65 เท่ากับ 236.97 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.12 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 53% โดยจะทำให้ กฟผ. ได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่แทนประชาชนทั้งหมดจำนวน 83,010 ล้านบาท คืนภายในเดือน ธ.ค. 65 โดย กฟผ.เองได้ทำหนังสือแสดงความเห็นประกอบด้วยว่า ควรปรับแนวทางที่ 3 เพื่อดูแลประชาชน